โรงงานเช่ามักได้ลงทุนระบบเครื่องกลไฟฟ้าในแค่ระดับพื้นฐานเพื่อสามารถตอบสนองการใช้งานโดยทั่วไป ในขณะเดียวกัน แต่ละบริษัทที่เช่าโรงงานจะมีความต้องการในการใช้งานไฟฟ้าที่แตกต่างกัน ดังนั้น การติดตั้ง ปรับปรุงระบบไฟฟ้าของโรงงานในกระบวนการจัด fit – out จึงต้องได้รับการพิจารณาให้ละเอียดเพื่อรองรับความเสถียรภาพและความปลอดภัยในการผลิต
ทำความเข้าใจความต้องการในการการใช้ระบบไฟฟ้าและตรวจสอบความจุของระบบไฟฟ้าที่มีอยู่
เจ้าของโครงการต้องเข้าใจชัดเจนความต้องการการใช้ระบบไฟฟ้าของเครื่องจักรและไลน์ผลิตตั้งแต่แรก ถ้าคำนวณไม่ครบครั้นและไม่ถูกต้องอาจจะเกิดปัญกำลังไฟฟ้าไม่พอใช้งานหลังจากจัด fit – out โรงงาน ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อกิจกรรมการผลิตและทำให้เกิดการสิ้นเปลืองในการลงทุน
ทำความเข้าใจความต้องการในการใช้งานระบบไฟฟ้าของอุปกรณ์ เครื่องจักร และไลน์การผลิตทุกชิ้นถือเป็นหนึ่งในประเด็นที่สำคัญที่สุดของการจัด fitout สำหรับโรงงานที่เช่า
นอกจากนั้น การสำรวจความจุสูงสุดของระบบไฟฟ้าในโรงงานที่เช่าก็เป็นประเด็นที่สำคัญอย่างมากข้อมูลที่ต้องให้ความสำคัญเมื่อทำการสำรวจโรงงานที่เช่าได้แก่ ความจุของสถานีหม้อแปลงไฟฟ้าที่มีอยู่ โอกาสในการปรับปรุงและแหล่งพลังงานไฟฟ้าที่จ่ายเพิ่มหากจำเป็น การเปรียบเทียบระหว่างความต้องการในการใช้งานกับความสามารถในการจ่ายไฟของระบบจะช่วยนักลงทุนมีพื้นฐานเพื่อพิจารณา ประเมินแนวทางการปรับปรุงระบบไฟฟ้าของโรงงานให้เหมาะสม
ในกรณีความจุไฟฟ้าไม่เพียงพอ นักลงทุนต้องพิจารณาถึงวิธีการแก้ไข เช่น เปลี่ยนเมนเซอร์กิตเบรกเกอร์ ขยายระบบจำหน่ายไฟฟ้าหรือสำรวจโอกาสในการดึงไฟฟ้าจากโรงงานข้างๆ ซึ่งนักลงทุนควรประสานงานอย่างใกล้ชิดกับเจ้าของโรงงานเพื่อให้มั่นใจว่าการจำหน่ายไฟฟ้ามีความเสถียร ประหยัดค่าใช้จ่ายและตอบสนองการใช้งานเป็นระยะยาว
ข้อควรระวังเมื่อเชื่อมต่อระบบตู้ไฟและสายไฟ
โรงงานให้เช่ามักจะลงทุนตู้ไฟหลักแค่ตู้เดียวรอไว้ในแต่ละบล็อก เพราะฉะนั้น นักลงทุนจะต้องลงทุนระบบเครื่องกลไฟฟ้าทั้งหมดให้เหมาะสมกับความต้องการของการผลิต ระบบสายไฟและสายเคเบิลเพื่อดึงไฟไฟฟ้าจากข้างนอกเข้ามาในโรงงานจะได้ติดตั้งแบบฝังใต้ดินเพื่อความปลอดภัยและไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของโรงงาน ในขณะเดียวกัน ระบบสายไฟและสายเคเบิลจากตู้ไฟไปยังระบบเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ จะได้ติดตั้งแบบใส่รางสายไฟหรือเดินบนเพดานเพื่อสะดวกต่อการตรวจสอบและซ่อมบำรุงรักษา
ซึ่งต้องมีการคำนวณให้ดีในการเลือกขนาดสายไฟเพื่อรองรับโหลดได้เพียงพอ หลีกเลี่ยงปัญหาสายไปร้อนและแรงดันไฟฟ้าตก เมื่อทำการต่อหรือซ่อมไฟฟ้าในโรงงาน ต้องใส่ใจเป็นพิเศษกับความจุของสายไฟแต่ละช่วงเพื่อป้องกันเกิดปัญหาเกินโหลดและเกิดไฟฟ้าลัดวงจร
ระบบไฟฟ้าสำรองและความเสถียรภาพของไฟฟ้า
เพื่อมั่นใจได้ว่ากิจกรรมการผลิตจะไม่ถูกหยุดชะงักเมื่อมีปัญหาไฟฟ้าเกิดขึ้น โรงงานจะต้องจัดเตรียมเครื่องปั่นไฟสำรองที่มีความจุเหมาะสม เครื่องปั่นไฟต้องสตาร์ทได้เร็วและจ่ายไฟอย่างเสถียรให้แก่ระบบใช้ไฟที่มีความสำคัญ เช่น ระบบดูดควัน ระบบป้องกันและระงับอัคคีภัย พื้นที่ผลิต สำนักงาน…
ปกติ ในโครงการจัด fit – out โรงงานที่เช่า เครื่องปั่นไฟที่มีความจุจาก 100 ถึง 150 kVA จะเพียงพอเพื่อจ่ายไฟให้กับระบบป้องกันและระงับอัคคีภัยของโรงงานทั่วไป แต่ว่า หากนักลงทุนต้องการรักษาการทำงานปกติของสำนักงานและสายการผลิตทั้งหมดในเวลาไฟดับ จะจำเป็นต้องคำนวณปริมาณโหลดและเลือกเครื่องปั่นไฟที่มีความจุใหญ่กว่าเพื่อรองรับการทำงานอย่างต่อเนื่องและเสถียรภาพ
ดูเพิ่มเติม: ให้คำปรึกษาการปรับปรุงและซ่อมแซมโรงงาน – เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
ดูเพิ่มเติม: 4 เกณฑ์ที่ช่วยนักลงทุนเลือกแนวทางการจัด fitout ของโรงงานให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดในปี 2025