ผลิตที่ชาญฉลาดเป็นรูปแบบที่หลาย ๆ โรงงานกำลังมุ่งสู่ แต่การประยุกต์ใช้ไม่ง่าย หาทิศทางประยุกต์ใช้ได้อย่างถูกต้องก็ถือว่าไปได้ระยะหนึ่งในตลอดเส้นทางแล้ว
ผลิตที่ชาญฉลาดคืออะไร
ผลิตที่ชาญฉลาด (Smart Manufacturing) ก็คือการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในทุก ๆ ด้านของกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่ายและรักษาสิ่งแวดล้อม
ประโยชน์ของการผลิตที่ชาญฉลาดได้พิสูจน์โดยหลาย ๆ บริษัทในโลก Goodyear ยี่ห้อยางรถยนต์ชั้นนำของโลกได้ประยุกต์ใช้การแปลงเป็นดิจิทัลในการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อประหยัดเวลาออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่จาก 3 ปีเหลือ 1 ปีและลดค่าใช้จ่ายในการพัฒนาจาก 40% เหลือแค่ 15% ในงบประมาณที่ใช้สำหรับ R&D
การแปลงเป็นดิจิทัลและคำนวณความทนทานของพัสดุในการผลิตได้ช่วยเครื่องบิน Airbus A320ลดน้ำหนักไป 500kg/เครื่องบิน ดังนั้นจะช่วยลดการปล่อย CO2 ไป 166 ตัน/ปีเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม
แบบจำลองปิรามิดระบบต่าง ๆ ในโรงงานผลิตที่ชาญฉลาด
เครื่องมือและระบบของโรงงานผลิตที่ชาญฉลาด (smart factory) ได้แบ่งเป็น 5 ระดับจากระดับ 0 ถึงระดับ 4:
– Level 4 เป็นระบบเทคโนโลยีบริหารในระดับทั้งองค์กร: วางแผนบุคคลกร บริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า บริหารจัดการระบบจำหน่าย บริหารจัดการ life cycle ของผลิตภัณฑ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ติดตามและใช้งานตามความถี่เป็นรายวัน รายเดือน รายไตรมาส รายปี
– Level 3 เป็นระบบควบคุมการผลิตอย่างอัตโนมัติ รายงานความคืบหน้าในการผลิต ติดตามสินค้าแต่ละล็อตที่ผลิต วิเคราะห์จัดการ ควบคุมคุณภาพทุกวินาที ทุกนาที ทุกชั่วโมง ทุกล็อตการผลิต ทุกวัน
– Level 2 เป็นระบบควบคุมติดตามและเก็บข้อมูลตามความถี่ทุกมิลลิวินาที ทุกวินาที ทุกนาที ทุกขั่วโมง
– อุปกรณ์ควบคุม (Level 1) รวมกับอุปกรณ์ที่ใช้’โดยตรงในการผลิต (Level 0) เนื่องจากมีระบบเซ็นเซอร์ กลายเป็นอุปกรณ์ผลิตที่ชาญฉลาด (smart device) และมีความสามารถในการสื่อสารกับ Level 2
บริษัทจะประยุกต์ใช้การผลิตที่ชาญฉลาดอย่างไร
การผลิตที่ชาญฉลาดส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีดังนี้
เทคโนโลยีเซ็นเซอร์
เซ็นเซอร์ที่ติดภายในอุปกรณ์ เครื่องจักร ผลิตภัณฑ์ ….เพื่อวัดยอดการผลิต ปริมาณการใช้งาน หรือเงื่อนไขการทำงาน เซ็นเซอร์ทำให้เกิดแหล่งข้อมูลที่ป้อนเข้าเพื่อวิเคราะห์และจัดการไลน์การผลิตอย่างอัตโนมัติ
Internet แบบไร้สาย
เครื่องจักรและอุปกรณ์ทั้งหมดในโรงงานได้ออกแบบเชื่อมต่อกันโดยเครือข่าย internet ไร้สาย ช่วยรวบรวมและแบ่งปันข้อมูลได้สะดวด Internet of Things, หรือ IoT เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่สำคัญในการผลิตที่ชาญฉลาด
วิเคราะห์ข้อมูล
การนำข้อมูลที่รวบรวมได้จากระบบเซ็นเซอร์ร่วมกับการเชื่อมต่อข้อมูลของทั้งโรงงานโดยระบบ internet ไร้สายได้ทำให้เกิดแหล่งข้อมูลมากมายมหาศาล การวิเคราะห์แหล่งข้อมูลเหล่านั้นช่วยโรงงานพบปัญหาอย่างรวดเร็ว และสามารถตัดสินใจอย่างถูกต้อง
เมื่อดำเนินการทำระบบชาญฉลาดให้กับโรงงานต่าง ๆ DELCO ได้คำนวณอยู่ตลอดเพื่อแผนของเทคโนโลยีตรงตามความจริงในการใช้งาน DELCO ใช้เซ็นเซอร์เพื่อติดตามอุณหภูมิในอาคารผลิต อุณภูมิภายนอกอาคารผลิตและอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศ ควบคุมระบบเครื่องปรับอากาศอย่างอัตโนมัติโดยการคำนวณส่วนต่างของอุณหภูมิแต่ละพื้นที่ นอกจากนั้น ระบบสามารถติดตามสภาพการทำงานของเครื่องปรับอากาศ แจ้งเตือนการซ่อมบำรุง การนำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ร่วมกันอย่างนี้นอกจากประหยัดค่าใช้จ่ายไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุงรักษาแล้วก็ยังช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าและมีผลต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย
AI – ปัญญาประดิษฐ์o
เทคโนโลยีนี้อนุมัติให้ใช้อัลกอริทึมที่ซับซ้อนของระบบคอมพิวเตอร์ จำลองตามสมองปัญญาของมนุษย์ ช่วยคอมพิวเตอร์สามารถคิดและปฏิบัติได้อย่างเหมือนมนุษย์ ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ AI คือช่วยประหยัดแรงงานและเพิ่มความถูกต้องในกิจกรรมการผลิต
ปัจจุบัน การผลิตที่ชาญฉลาดเป็นแนวโน้มของโลก ในเวียดนาม รัฐบาลได้ให้โอกาสมากมายเพื่อกระตู้นโครงการลงทุนพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและอุสาหกรรมฉลาด บริษัทสามารถเข้าร่วมในแนวโน้มปฏิวัตอุตสาหกรรม 4.0 เริ่มต้นจากการลงทุนใหม่หรือปรับปรุงพัฒนาโปรแกรมเทคโนโลยีบริหารธุรกิจ (ที่ Level 4 ของมาตรฐาน IEC: 62264) แล้วไปต่อการลงทุนอุปกรณ์ที่ชาญฉลาด ระบบที่ Level 3,2,1,0
นับถึงปัจจุบัน DELCO มีประสบการณ์ดำเนินการทำโรงงานที่ชาญฉลาดในทั้ง 5 ระดับ ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักงลทุน FDI เช่น: โรงงานเทคโนโลยี Power Plus (ไต้หวัน) โรงงานแบตเตอรี่ GS (ญี่ปุ่น)….ด้วยประสบการณ์ทำงานในด้านก่อสร้างและให้คำปรึกษาออกแบบมา 15 ปีแผนเทคโนโลยีที่ DELCO เสนอจะเป็นที่ตรงตามการใช้งานจริงและมีค่าใช้จ่ายเหมาะสมอย่างตลอด