สำหรับภาคการผลิตยาและอาหาร โดยเฉพาะโรงงานที่ผลิตอาหารเสริมหรือผลิตเพื่อส่งออกจะถูกกำหนดอย่างเข้มงวดโดยมาตรฐานของ GMP ในด้านสภาพแวดล้อมการผลิต รวมทั้งพื้นที่ห้องสะอาดเพื่อให้มั่นใจผลิตภัณฑ์มีคุณภาพสูง ปลอดภัยและไม่มีมลพิษ ระบบ HVAC มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาค่าต่างๆ เช่น อุณหภูมิ ความชื้น แรงดันและคุณภาพอากาศเพื่อช่วยป้องกันการเปื้อนข้าม ป้องกันจุลินทรีย์และฝุ่น พร้อมกับการช่วยทำให้โรงงานตอบสนองตามมาตรฐานของระบบ ISO 14644 และ HACCP
เงื่อนไขสำหรับระบบ HVAC ของโรงงานที่ต้องปฏิบัติสอดคล้องตามมาตรฐาน GMP
สำหรับโรงงานผลิตยา
ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) และมาตรฐาน EU FMP ระบบ HVAC ในโรงงานผลิตยาต้องสอดคล้องตามข้อกำหนดที่เข้มงวดดังต่อไปนี้:
- การควบคุมสภาพแวดล้อม: ต้องดำเนินการผลิตในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด โดยมีการออกแบบระบบ HVAC พร้อมกับการสถาปัตยกรรมโรงงานเพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากสภาพแวดล้อมภายนอกหรือการปนเปื้อนข้ามระหว่างพื้นที่ผลิตแต่ละพื้นที่
- การกรองอากาศ: ใช้ระบบกรอง HEPA (H13 หรือระบบเท่าเทียมที่สอดคล้อมตามมาตรฐาน EN 1822) เพื่อให้มั่นใจมีอากาศที่บริสุทธิ์ โดยเฉพาะพื้นที่อย่างห้องสะอาดหรือพื้นที่เตรียมวัตถุดิบ
- ส่วนต่างของแรงดัน: สำหรับห้องสะอาดต้องรักษาแรงดันห้องให้เป็นบวก (10-15Pa) เมื่อเทียบกับพื้นที่ข้างๆ โดยใช้ระบบเซ็นเซอร์จับค่าแรงดันและแจ้งเตือนโดยอัตโนมัติเมื่อค่าวัดแรงดันห้องเกินที่กำหนด
- ควบคุมอุณหภูมิและความชื้น: อุณหภูมิและความชื้นต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อรักษาเงื่อนไขให้เหมาะสมกับวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์และความสบายในการทำงานให้แก่พนักงาน ค่า max-min ต่างๆ ได้ระบุชัดเจน โดยปกติอุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 18 ถึง 26 องศาเซลเซียสและความชื้นอย่างระหว่าง 40 ถึง 60% RH
- การไหลเวียนและการกระจายของอากาศ: ต้องมั่นใจว่าอากาศมีการไหลเวียนอย่างรวดเร็ว (< 15 นาที) และอากาศได้กระจายอย่างสม่ำเสมอและเท่าเทียม หลีกเลี่ยงการหยุดทำงานของระบบ นอกจากกรณีมีเหตุผลที่สมเหตุสมผล
- การติดตามและแจ้งเตือน: ระบบ SCADA หรือ IoT มีติดตั้งเซ็นเซอร์วัดปริมาณอากาศ แรงดัน และอุณหภูมิและสามารถแจ้งเตือนเวลาค่าวัดเกินค่าที่กำหนด
- การดูแลรักษาและการประเมิน: ชุดกรอง HEPA วาล์ว ท่ออากาศ และ blower ได้ดูแลรักษาตามระยะเวลาและได้ตรวจสอบความรั่วไหลทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนตัวกรอง ระบบได้ประเมินตาม ISO 14644 บนพื้นฐานของการประเมินความเสี่ยง
สำหรับโรงงานอาหาร
สำหรับโรงงานอาหารแต่ละโรง ข้อกำหนดเกี่ยวกับระบบ HAVC อาจะแตกต่างกันโดยขึ้นอยู่กับประเภทอาหารและกระบวนการผลิต แต่โดยส่วนใหญ่จะเน้นถึงปัจจัยดังต่อไปนี้:
- ควบคุมอุณหภูมิและความชื้น: ป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์และรักษาสภาพแวดล้อมการจัดเก็บวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งมักจะมีการควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในระหว่าง 20-25 องศาเซลเซียส และความชื้นจะน้อยกว่า 60 % RH เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ โดยเฉพาะสำหรับอาหารเสริมหรืออาหารส่งออก
- คุณภาพของอากาศ: ใช้ระบบกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพเพื่อสกัดฝุ่น แบคทีเรียและอนุภาคที่เป็นมลพิษ ช่วยให้มั่นใจถึงสภาพแวดล้อมการผลิตที่ถูกสุขอนามัย
- ปฏิบัติตาม HACCP และ GMP: สำหรับโรงงานที่ผลิตเพื่อส่งออก จะจำเป็นต้องปฏิบัติให้สอดคล้องตามมาตรฐานสากล เช่น มาตรฐาน HACCP ระบบ HACCP ต้องช่วยในการรักษาสภาพสุขอนามัยที่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ผลิต บรรจุภัณฑ์และจัดเก็บ
- ติดตามและแจ้งเตือน: สามารถใช้ระบบติดตามแบบ manual หรืออัตโนมัติแบบง่ายๆ (โดยขึ้นอยู่กับประเภทอาหาร) และการบันทึกประจำวันที่จดค่าวัดอุณหภูมิและค่าความชื้น แจ้งเตือนเวลาค่าวัดเกินค่าที่กำหนด
- การดูแลรักษา: ตรวจสอบตัวกรอง วาล์ว ท่ออากาศและ blower ตามระยะเวลา เน้นถึงการทำความสะอาดและประสิทธิภาพการใช้งาน
ระบบ HVAC โดย Delco
ตารางเปรียบเทียบเงื่อนไขของระบบ HVAC ระหว่างโรงงานผลิตยาและโรงงานอาหาร
ปัจจัย | โรงงานผลิตยา | โรงงานอาหาร |
มาตรฐานที่ประยุกต์ใช้ | GMP (WHO, EU, FDA), ISO 14644 | GMP, HACCP, และมาตรฐานท้องถิ่น (เช่น: มาตรฐานเวียดนาม QCVN 01-1:2018/BYT ในเวียดนาม) |
กรองอากาศ | ชุดกรอง HEPA (H13 หรือระบบเท่าเทียม) สำหรับห้องสะอาด | ชุดกรองที่มีประสิทธิภาพสูง โดยไม่จำเป็นต้องเป็นชุดกรอง HEPA ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของอาหารที่ผลิต |
ส่วนต่างของแรงดัน | เป็นข้อบังคับและแรงดันต้องเป็นบวกในพื้นที่ห้องสะอาด | แล้วแต่เลือกแต่จำเป็นสำหรับพื้นที่ที่มีความละเอียดอ่อน เช่น พื้นที่บรรจุภัณฑ์ |
ควบคุมอุณหภูมิและความชื้น | ควบคุมอย่างเข้มงวดโดยกำหนดค่า min/max | ควบคุมเพื่อป้องกันจุลินทรีย์ ความเข้มงวดระดับน้อยกว่าโรงงานผลิตยา |
การติดตาม | ติดตามโดยระบบอัตโนมัติ เชื่อมโยงกับ GXP และแจ้งเตือนเวลาค่าวัดเกินค่ากำหนด | ติดตามอย่างใกล้ชิด อาจไม่ต้องใช้ระบบอัตโนมัติที่ซับซ้อน |
การดูแลรักษา | มีโปรแกรมการดูแลรักษาสำรองอย่างเข้มงวด มีเอกสารบันทึกรายละเอียด | ทำการดูแลรักษาตามระยะเวลา เน้นถึงการทำความสะอาดและประสิทธิภาพการใช้งาน |
การเลือกผู้รับเหมา HVAC สำหรับโครงการ fitout โรงงาน
การเลือกผู้รับเหมา HVAC ถือเป็นปัจจัยชี้ขาดเพื่อรองรับว่าระบบจะตอบสนองตามมาตรฐานของ GMP ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดต้นทุนในระยะยาว ต่อไปนี้จะเป็นปัจจัยต่างๆ ที่ต้องได้รับการพิจารณา:
- ประสบการณ์และความรู้เฉพาะด้าน: ควรเลือกผู้รับเหมาที่เคยดำเนินโครงการเกี่ยวข้องกันการผลิตยาและอาหาร มีความรู้เกี่ยวกับ WHO, EU, GMP, HACCP และ ISO 14644 ซึ่งผู้รับเหมาจะต้องมีการควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น แรงดันและคุณภาพอากาศอย่างเข้มงวด
- มีโซลูชั่นครบวงจร: ควรเลือกผู้รับเหมาที่ให้บริการครบวงจรตั้งแต่การออกแบบ ดำเนินการ ประเมิน จนถึงการดูแลรักษาเพื่อรองรับระบบมีความเหมาะสมกับลักษณะของโครงการและลดความเสี่ยงในการเชื่อมต่อระบบ
- มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย: ผู้รับเหมาควรมีการเชื่อมโยงระหว่างระบบ IoT ระบบ SCADA หรือมีเซ็นเซอร์จับเวลาเพื่อติดตามสภาพแวดล้อม คาดการณ์การซ่อมบำรุงรักษาระบบและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด (ช่วยลดร้อยละ 10 -15 ของต้นทุนการผลิต)
- มีความโปร่งใสในด้านการเงิน: ต้องกำหนดให้มีการเสนอราคาเป็นรายละเอียด โปร่งใส ซึ่งรวมทั้งค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง (ประมาณร้อยละ 10-20 ในต้นทุน fitout ทั้งหมด) และค่าใช้จ่ายการดูแลรักษาในระยะยาว ผู้รับเหมาต้องยื่นเอกสารที่แสดงความสามารถและใบรับรองสากลต่างๆ (เช่น ใบรับรองระบบ ISO 9001)
- ระยะเวลาดำเนินการ: ต้องมีระยะเวลาที่กำหนดไว้ชัดเจน (ส่วนใหญ่ใช้เวลา 3-6 เดือนสำหรับระบบ HVAC ที่ซับซ้อน) พร้อมกับการยืนยันที่จะส่งมอบงานได้ตรงต่อเวลาและการช่วยดูแลรักษาหลังจากติดตั้ง
- การช่วยดูแลในระยะยาว: ผู้รับเหมาต้องจัดเตรียมแผนการดูแลรักษาสำรองโดยทีการตรวจสอบชุดกรอง วาล์ว ท่ออากาศ และ blower ตามระยะเวลาพร้อมกับบริการซ่อมแซมอย่างรวดเร็ว
ห้องสะอาดที่ โรงงานแปรรูปอาหารและขนม Pham Nguyen ที่จังหวัด Hưng Yên
ด้วยการตอบสนองตามข้อกำหนดที่เข้มงวดทางด้านเทคนิคและการเลือกผู้รับเหมา ที่น่าเชื่อถือ นักลงทุนสามารถสร้างโรงงานที่มีประสิทธิภาพในการผลิต สอดคล้องตามมาตรฐานสากลและประหยัดต้นทุนการผลิตในระยะยาว
ดูเพิ่มเติม: กระบวนการฟิตเอาต์สำหรับโรงงานจากการออกแบบถึงการติดตั้งในเวียดนาม
ดูเพิ่มเติม: การเปลี่ยนแปลงสำคัญในการฟิตเอาต์คลังสินค้าปี 2025
ดูเพิ่มเติม: แนวโน้มเทคโนโลยี HVAC ในเวียดนามปี 2025