เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนโลจิสติกส์และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน Viet Nam ได้นำเสนอแนวทางต่างๆ เช่น การสร้างระบบคลังสินค้าสมาร์ท การรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน การลดความซับซ้อนของกระบวนการนำเข้าและส่งออก และการสนับสนุนเงินทุนสำหรับธุรกิจ…
ต้นทุนโลจิสติกส์ภายในประเทศและการส่งออกใน Viet Nam
ต้นทุนโลจิสติกส์สามารถเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น สถานที่ ปริมาณสินค้า หน่วยงานขนส่ง ฯ แต่ละปัจจัยเหล่านี้มีบทบาทสำคัญและส่งผลโดยตรงต่อแผนการเงินของนักลงทุน
ตารางราคาอ้างอิงต้นทุนการขนส่งทางบกจากจังหวัดต่างๆ ไปยังท่าเรือ Hai Phong (ไม่รวม VAT)
สถานที่ | Container 20’ (USD/cont) | Container 40’ (USD/cont) |
Hai Phong | 46,55 – 91,09 | 54,66 – 99,19 |
Hai Duong | 103,24 – 135,63 | 127,53 – 147,77 |
Hung Yen | 143,72 – 151,82 | 151,82 – 188,66 |
Ha Noi | 159,92 – 212,55 | 171,66 – 228,34 |
Bac Ninh | 164,37 – 180,16 | 180,16 – 196,36 |
Bac Giang | 172,06 – 216,60 | 212,55 – 260,73 |
Vinh Phuc | 204,86 – 232,79 | 252,84 – 269,23 |
Phu Tho | 309,72 – 366,80 | 334,41 – 423,15 |
Yen Bai | 374,09 – 414,57 | 405,67 – 447,15 |
Thai Binh | 127,53 – 176,12 | 176,12 – 196,36 |
Nam Đinh | 172,06 – 204,86 | 196,36 – 220,65 |
Ninh Binh | 204,86 – 220,65 | 216,60 – 232,79 |
Ha Nam | 188,66 – 244,94 | 200,40 – 269,23 |
Thanh Hoa | 237,65 – 269,23 | 329,96 – 390,69 |
Nghe An, Ha Tinh | 378,94 – 491,09 | 450,20 – 564,78 |
Quang Ninh | 135,63 – 362,75 | 147,77 – 435,83 |
Lang Son | 6,550 – 7,950 | 7,550 – 8,750 |
Thai Nguyen | 6,850 – 8,350 | 7,750 – 9,350 |
ตารางราคาอ้างอิงต้นทุนการขนส่งทางบกจากจังหวัดต่างๆ ไปยังท่าเรือ TP.HCM (ไม่รวม VAT)
สถานที่ | Container 20’ (USD/cont) | Container 40’ (USD/cont) |
Khu vuc TP. Ho Chi Minh | 87,04 – 127,53 | 54,66 – 139,67 |
Binh Duong | 91,09 – 135,63 | 103,24 – 143,72 |
Dong Nai | 95,14 – 139,67 | 107,29 – 160,32 |
Ba Ria – Vung Tau | 151,82 – 180,16 | 164,37 – 188,66 |
Long An | 131,58 – 151,82 | 139,67 – 160,32 |
Tien Giang | 180,16 – 273,28 | 200,40 – 293,52 |
ตารางราคาอ้างอิงต้นทุนการขนส่งทางเรือจากท่าเรือ Hai Phong และท่าเรือ TP.HCM ไปยังท่าเรือในยุโรป(ไม่รวม VAT)
สถานที่ | Container 20’ (USD/cont) | Container 40’ (USD/cont) | สายเรือ |
Rotterdam / Antwerp / Hamburg / Bremerhaven / Felixstowe / LGP / Southampton / Le Harve | 3700 | 6800 | HMM |
4000 | 5800 | MSC | |
3800 | 6500 | YML | |
Valencia / Algeciras / Barcelona / Marseille / Genoa / La Spezia / Gioia Tauro | 4100 | 6200 | HMM |
4550 | 6450 | MSC | |
4000 | 5800 | COSCO | |
Gdansk / Gdynia | 4200 | 6800 | COSCO |
Piraeus / Istanbul / Ashdod | 4150 | 5950 | ZIM |
Koper / Rijeka | 4590 | 6700 | MSC |
Klapeida / Riga / Tallinn | 4450 | 7250 | MSC |
Dublin / Belfast | 4100 | 6600 | COSCO |
Lisbon / Leixoes | 4490 | 6450 | MSC |
ต้นทุนโลจิสติกส์ใน Viet Nam ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณร้อยละ 16-17 ของ GDP ซึ่งสูงกว่าบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น (11% GDP), สิงคโปร์ (8%), มาเลเซีย (13%) และ อินโดนีเซีย (13%) ซึ่งเป็นความท้าทายสำคัญที่รัฐบาล Viet Nam ให้ความสนใจเป็นพิเศษและกำลังพยายามหาวิธีการลดลงค่าใช้จ่ายโลจิสติกส์ลงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
ตามร่างแผนของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า Viet Nam กำลังวางแผนกลยุทธ์เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์ลงเหลือร้อยละ 12-15 ของ GDP ในช่วงปี 2025-2035 โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้ดัชนี LPI (Logistics Performance Index) ขึ้นสู่อันดับที่ 40 ของโลก ภายในปี 2045 ต้นทุนนี้จะลดลงอีกเหลือร้อยละ 10-12 ของ GDP และทำให้ Viet Nam ติดอันดับท็อป 30 ประเทศที่มีดัชนี LPI สูงที่สุดในโลก
อ่านเพิ่ม: ข้อได้เปรียบต่างๆ เพื่อช่วยดึงดูดนักลงทุน FDI มาสร้างดรงงานในจังหวัด Hai Phong
แนวทางการลดต้นทุนโลจิสติกส์จากรัฐบาลและภาคธุรกิจเวียดนาม
การสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกสอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในแนวทางที่สำคัญในการลดต้นทุนโลจิสติกส์คือการลงทุนและพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2024 นายกรัฐมนตรี Viet Nam ได้อนุมัติแผนการจัดตั้งสนามบิน 30 แห่งในช่วงปี 2021 – 2025 ซึ่งมีสนามบินนานาชาติ 14 แห่ง และสนามบินภายในประเทศ 16 แห่ง คาดว่าในปี 2050 Viet Nam จะพัฒนาศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ 2 แห่งที่ Ha Noi และ TP.HCM เพื่อเพิ่มการเชื่อมต่อและลดต้นทุนการขนส่งระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ Viet Nam ยังให้ความสำคัญกับการวางแผนและพัฒนาระบบท่าเรือเพื่อตอบสนองความต้องการในการนำเข้า/ส่งออกสินค้า ในด้านโครวสร้างพื้นฐานปัจจุบันรัฐบาลได้มุ่งเน้นการพัฒนาท่าเรือหลักระหว่างประเทศ เช่น ท่าเรือ Lach Huyen, Cai Mep – Thi Vai, Can Gio โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างกลุ่มท่าเรือถ่ายโอนสินค้าระหว่างประเทศขนาดใหญ่ในระดับเอเชียและระดับโลกที่ปากแม่น้ำ Cái Mép นอกจากนี้รัฐบาลยังได้อนุมัติการปรับเพิ่มงบลงทุนเป็นประมาณ 313,000 พันล้านด่ง เพื่อพัฒนาท่าเรือสำหรับบริการขนถ่ายสินค้าภายในระบบท่าเรือจนถึงปี 2030
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการนำเข้าและส่งออก
Viet Nam การประยุกกต์ใช้ เทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลในการนำเข้า/ส่งออกสินค้าเพื่อลดเวลาการรอรถบรรทุก ประหยัดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง ระบบที่ทันสมัยต่างๆ เช่น ระบบศุลกากรอัตโนมัติ VNACCS/VCIS, ระบบข้อมูลด้านศุลกากร, เครื่องเอ็กซเรย์คอนเทนเนอร์เคลื่อนที่ ได้ถูกนำมาใช้และมีประสิทธิภาพอย่างมากในการจัดการและควบคุมกิจกรรมโลจิสติกส์ เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้สามารถตรวจพบความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ต้น ทำให้หน่วยงานมีแผนรับมือได้ทันเวลาและทำให้สินค้าถูกจัดส่งและขนถ่ายได้ทันเวลา ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นในการจัดเก็บหรือรอที่ท่าเรือ
การสร้างระบบคลังสินค้าที่ชาญฉลาด
อุตสาหกรรมคลังสินค้าสมัยใหม่ใน Viet Nam กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและดึงดูดบริษัทขนาดใหญ่ระดับโลกเข้ามาลงทุน เช่น Mapletree, BW Industrial, SLP… ตามรายงานของ FiinGroup ในช่วงปี 2024 – 2027 จะมีโครงการคลังสินค้าใหม่ 25 โครงการที่มีพื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 1.87 ล้านตารางเมตร โดยอัตราการเติบโตประจำปีของพื้นที่คลังสินค้าสมัยใหม่คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 7 โครงการเหล่านี้จะนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ โดยที่คลังสินค้าจะถูกสร้างให้เหมาะสมกับยานพาหนะขนส่งและตอบสนองต่อมาตรฐานสากล การขยายระบบคลังสินค้าช่วยให้นักลงทุนสามารถประหยัดต้นทุน ลดเวลาการขนส่งและการขนถ่ายสินค้า ส่งผลให้ประสิทธิภาพการดำเนินงานโลจิสติกส์ดีขึ้น
ความพยายามในการรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน
ต้นทุนน้ำมันคิดเป็นร้อยละ 60 – 65 ของต้นทุนการขนส่งทั้งหมด ดังนั้นเมื่อราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น ต้นทุนโลจิสติกส์ใน Viet Nam ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เพื่อรับมือกับปัญหานี้ Viet Nam ได้สร้างกองทุนรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันและปรับราคาน้ำมันสามครั้งต่อเดือน เพื่อให้ราคาสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด ความพยายามเหล่านี้ช่วยลดผลกระทบด้านลบจากการเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมัน รักษาเสถียรภาพต้นทุนโลจิสติกส์ และสนับสนุนธุรกิจในกระบวนการขนส่งสินค้า
การลดขั้นตอนในการนำเข้าและส่งออกและการสนับสนุนเงินทุนให้แก่ธุรกิจ
เพื่อลดขั้นตอนในการนำเข้า/ส่งออก ภาคศุลกากรของ Viet Nam ได้ดำเนินการลดและยกเลิกขั้นตอนการบริหารที่ไม่เหมาะสม รวมถึงลดกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการค้านำเข้าและส่งออก ระหว่างปี 2020 ถึง 2023 ข้อเสนอการลดขั้นตอนเหล่านี้ทำให้ต้นทุนการปฏิบัติตามกฎระเบียบลดลงถึง 10.2 พันล้านด่งต่อปี
นอกจากนี้ยังมีการออกนโยบายสนับสนุนที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงแหล่งเงินทุนในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ตามนโยบายของรัฐบาล ธนาคารกลาง Viet Nam ได้กำหนดให้สถาบันการเงินในปี 2024 ลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่ออีกร้อยละ 1-2 โดยธนาคาร Agribank ได้จัดสรรเงินทุน 20,000 พันล้านด่งในอัตราดอกเบี้ยพิเศษลดลงจากร้อยละ 2 – 2.4 ต่อปีเพื่อสนับสนุนธุรกิจส่งออก/นำเข้า หรือ PGBank ได้จัดหาแพ็คเกจสนับสนุนมูลค่าหลายพันล้านด่งในอัตราดอกเบี้ยลดลงร้อยละ 1 – 2 สำหรับธุรกิจที่มีความสำคัญ
แนวทางช่วยนักลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพการลดต้นทุนโลจิสติกส์อย่างเชิงรุก
การเลือกพันธมิตรและวิธีการขนส่งที่เหมาะสม
การเลือกพันธมิตรและวิธีการขนส่งที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญในการลดต้นทุนโลจิสติกส์ การร่วมมือกับบริษัทโลจิสติกส์ท้องถิ่นที่มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับตลาดใน Viet Nam จะช่วยให้นักลงทุน FDI ได้รับโซลูชั่นการขนส่งที่มีประสิทธิภาพและต้นทุนที่เหมาะสม นอกจากนี้ การเจรจาและทำสัญญาระยะยาวจะช่วยให้นักลงทุนได้รับราคาที่ดีกว่า มีเสถียรภาพ และลดความเสี่ยงจากความผันผวนของต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ธุรกิจยังควรเลือกวิธีการขนส่งที่เหมาะสม ซึ่งต้องประเมินปัจจัยต่างๆ อย่างถูกต้อง เช่น ระยะทาง เวลาการขนส่ง ลักษณะของสินค้า เพื่อใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของแต่ละวิธีการขนส่ง และเพิ่มประสิทธิภาพเส้นทางเพื่อลดต้นทุนการขนส่งโดยรวม
การใช้เทคโนโลยีในการจัดการคลังสินค้า
การใช้ซอฟต์แวร์จัดการคลังสินค้าช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามสถานะของสินค้าและใช้พื้นที่เก็บสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซอฟต์แวร์จัดการคลังสินค้าที่ได้รับความนิยม เช่น SAP EWM, WMS ช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามวันหมดอายุ สถานะของสินค้าทุกรายการ และทำให้มั่นใจได้ว่าสินค้าถูกจัดการตามลำดับ FIFO (First In, First Out) หรือ FEFO (First Expired, First Out) เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องจัดการสินค้าที่มีวันหมดอายุอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ นักลงทุนสามารถนำโมเดล Just-In-Time (JIT) มาใช้เพื่อลดจำนวนสินค้าคงคลัง โดยการผลิตและจัดเก็บสินค้าเฉพาะเมื่อมีความต้องการ ช่วยลดต้นทุนการเก็บสินค้าและความเสี่ยงของสินค้าล้าสมัย
นอกจากนี้ การใช้หุ่นยนต์, สายพานลำเลียง, เครื่องสแกนบาร์โค้ด ยังช่วยทำให้กระบวนการทำงานเป็นไปโดยอัตโนมัติ ลดความผิดพลาด ใช้แรงงานน้อยลง ทำให้ลดต้นทุนและเพิ่มความเร็วในการจัดการคำสั่งซื้อสำหรับนักลงทุน
การเลือกตำแหน่งที่ตั้งโรงงานและคลังสินค้าที่เหมาะสม
การเลือกตำแหน่งที่ตั้งโรงงานและคลังสินค้าที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการลดต้นทุนโลจิสติกส์ การตั้งโรงงานใกล้กับแหล่งวัตถุดิบและตลาดการขาย ช่วยให้ธุรกิจสามารถลดระยะทางการขนส่ง ประหยัดเวลาและต้นทุน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ต้องการการจัดส่งอย่างต่อเนื่องหรือผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการเก็บสั้น นอกจากนี้ การตั้งอยู่ใกล้กับเส้นทางคมนาคมหลัก เช่น ท่าเรือ สนามบิน หรือทางหลวง จะอำนวยความสะดวกในการนำเข้าและส่งออกสินค้า ทั้งนี้ นักลงทุนยังต้องพิจารณาถึงต้นทุนที่ดินและโครงสร้างพื้นฐานเมื่อเลือกตำแหน่งโรงงาน เพื่อให้ได้ประโยชน์ในการเดินทางและสอดคล้องกับงบประมาณระยะยาว
พื่อเลือกตำแหน่งที่ตั้งโรงงานที่เหมาะสมและเพิ่มประสิทธิภาพการลดต้นทุน นักลงทุนควรร่วมมือกับผู้รับเหมาหลักที่น่าเชื่อถือตั้งแต่เริ่มต้น DELCO ในฐานะผู้รับเหมา Design – Build ที่มีประสบการณ์หลายปีในด้านการก่อสร้างโรงงานทั่วประเทศ Viet Nam ให้บริการให้คำปรึกษาด้านการออกแบบและก่อสร้างแบบครบวงจร ไม่เพียงแต่ช่วยนักลงทุนในการเลือกสถานที่ตั้งที่เหมาะสม แต่ยังให้คำแนะนำในการออกแบบผังโรงงานและการจัดแบ่งพื้นที่ทำงานอย่างสมเหตุสมผล เพื่อให้แน่ใจว่าต้นทุนและการดำเนินงานระยะยาวมีประสิทธิภาพ
ติดต่อ: ที่ปรึกษาการออกแบบและก่อสร้างโรงงาน – ลดต้นทุน